การสร้างบ้านส่วนที่สำคัญที่เราทราบกันคือ เรื่องโครงสร้าง และรากฐานต้อมีการวางแผน เพื่อสร้างออกมาให้สมบรูณ์ที่สุด การสร้างรั้วบ้าน เองก็เช่นกัน เพราะหากไม่มีการออกแบบวางแผนแล้ว อาจทำให้บ้านเสื่อมประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการสร้างบ้านเราควรมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแนะนำ นอกจากนี้แล้วอีกเรื่องที่สำคัญคือ รั้วบ้าน ที่ถือเป็นปราการกั้นแบ่งอาณาเขตของบ้าน กับพื้นที่ภายนอก โดยต้องมีการออกแบบให้รั้วนั้นเหมาะสมกับบ้านไม่เล็กไม่ใหญ่ไป

และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญตามความเชื่อของชาวไทย คือ การสร้างรั้วบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย นอกจากเพื่อความสบายใจของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ซึ่ง ในทางฮวงจุ้ยจะให้ระวังสิ่งที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด เพราะถือเป็นลางร้ายที่บ่งบอกว่าบ้านหลังนั้นจะประสบกับปัญหา เจ้าของบ้านจะพบกับความล้มเหลวได้รั้วบ้านที่แตกร้าวผุผังแทนความหมายของความมั่นคงที่ถูกทำลายลง เพราะสิ่งที่ป้องกันภัยจากนอกบ้านกำลังเสื่อมสภาพลงเพราะฉะนั้น จึงควรหมั่นดูแลรักษาสภาพของรั้วให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ลักษณะประตูรั้วบ้านที่ไม่ดี และวิธีแก้ไขประตูรั้วบ้านให้เป็นมงคล

หากมีถนนตัดพุ่งตรงเข้ามาชนประตูรั้ว เช่น เป็นจุดตัดของทางสามแพร่งพอดี แล้วมีถนนมุ่งตรงเข้าประตูรั้วเข้าบ้าน ถือว่าไม่ดี เพราะตามหลักความเชื่อโบราณบริเวณจุดแยกมักเป็นที่อยู่ของวิญญาณ โดยประตูรั้วกับประตูบ้านไม่ควรตรงแนวเดียวกัน เพราะจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่ได้ ทางแก้ที่ง่ายที่สุดก็โดยการปลูกต้นไม้บังซะ หรือรั้วบ้านไม่สม่ำเสมอ/ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ไม่ค่อยได้รับความซื่อสัตย์ ต้องแก้ไขโดยการทำให้เรียบร้อย และประตูหลังบ้านไม่ควรใหญ่กว่าประตูหน้าบ้าน และไม่ควรตั้งตรงกัน เพราะจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่ได้ ทางแก้ที่ง่ายที่สุดก็โดยใช้ตู้โชว์หรือตู้ไม้ใบใหญ่ๆ กั้นไม่ให้เห็นกัน  ประตูรั้วบ้านควรสมดุลกับประตูบ้าน นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังทำให้เกิดความสมดุลในบ้านด้วย

การสร้างรั้วบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย

เริ่มต้นจากรั้ว :

รั้วที่ดีควรเป็นรั้วโปร่ง ไม่ปิดทึบ วิธีการตรวจเช็คง่าย ๆ ว่ารั้วที่บ้านของเราโปร่งหรือทึบ ให้ลองคำนวณด้วยสายตาดูว่า มีส่วนปิดทึบเกิน 50% หรือไม่ หากเกินนับว่าเป็นรั้วทึบ หากไม่เกินเป็นรั้วโปร่ง รั้วบ้านที่ดีจึงต้องเป็นรั้วที่ลมสามารถพัดพาพลังงานเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ง่ายนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้กรณีที่รั้วทึบแต่ต่ำดั่งเช่นในภาพประกอบด้านบนนี้ นับว่าเป็นรั้วโปร่ง ถูกหลักฮวงจุ้ยครับ

 

หน้าบ้านโล่ง กว้าง :

พื้นที่หน้าประตูบ้านนับเป็นส่วนพักรวมพลังงาน ควรเคลียร์พื้นที่ให้ดูโล่งอยู่เสมอ ไม่ควรนำสิ่งของมาวางเกะกะ โดยให้มองพื้นที่ทั้งหมดเริ่มต้นจากรั้วมาสู่ประตูหลักของบ้าน ไม่ควรมีต้นไม้มาบดหรือวัตถุใดมาบังหน้าประตู หากต้องการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา ควรเลือกปลูกเยื้องประตูหลัก เพื่อให้เกิดช่องทางพลังงานเข้าได้อย่างสะดวก

เปิดใช้งานอยู่เสมอ :

แม้จะทำตามทั้ง 4 ข้อที่ผ่านมาแล้ว หากประตูไม่ได้เปิดให้อากาศถ่ายเทก็อาจไม่ต่างอะไรกับผนังที่ปิดทึบ จึงต้องเป็นประตูที่เปิดใช้งาน เปิดให้อากาศถ่ายเทบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ประเทศไทยยุงค่อนข้างชุก ผู้อ่านอาจเลือกติดมุ้งลวดอีกชั้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้พร้อมกับป้องกันยุงไปในตัว

  บานประตูบ้านใหญ่ กว้าง :

มาถึงส่วนประตูบ้าน บ้านที่ดีควรต้องมีประตูที่ใหญ่กว้าง สูง โปร่ง ให้ความรู้สึกโอ่อ่า เพื่อให้พลังงานบวกเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีนั่นเองครับ สำหรับบางบ้านอาจสงสัยว่า ประตูหลักอยู่ส่วนใด ให้ผู้อ่านสังเกตุบ้านของตนเองว่าใช้ประตูไหนมากที่สุดให้นับประตูนั้นเป็นประตูหลัก โดยไม่สำคัญว่าประตูจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านข้างของบ้าน ประตูไหนใช้งานจริงเป็นประจำ ประตูนั้นนับเป็นประตูหลักของบ้าน

พื้นที่หลังประตู :

เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว พื้นที่ภายในบ้านหลังประตูหลักของบ้าน ควรเป็นพื้นที่โปร่งโล่งเช่นกัน ไม่ควรมีสิ่งของใดมาขวางกั้นเส้นทางเดิน เพราะจะเป็นตัวปิดกั้นพลังงาน นอกจากนี้แล้วการนำสิ่งของมาวางในตำแหน่งประตู ยังส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายอีกด้วย เพราะเป็นเส้นทางเดินซึ่งบางครั้งผู้อยู่อาศัยอาจไม่ทันระมัดระวัง กรณีใช้งานยามค่ำคืน เส้นทางเดินควรติดตั้งไฟทางเดินหรือไฟตำแหน่งประตูไว้ด้วย ปัจจุบันมีไฟเซ็นเซอร์ส่องทางจำหน่าย ผู้อ่านอาจซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมบนผนังทางเดิน ระบบเซ็นเซอร์จะตรวจจับความเคลื่อนไหว

ประตูหลักห้ามตรงกับประตูหลังบ้าน :

เมื่อมองจากหน้าประตูบ้าน เข้าสู่ภายในบ้าน ตำแหน่งของประตูหน้าและหลัง ไม่ควรให้มองเห็นตรงกัน เนื่องด้วยพลังงานบวกที่เข้ามาจะออกไปโดยทันที แต่หากบ้านใครออกแบบมาผิด ตรงส่วนนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการหาตู้มาวางกั้น หรือนำผ้าม่านมาปิดกั้นไว้อีกชั้น เป็นการลดทอนการรั่วไหลของพลังงานได้ดี